วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 1 ความหมาย ประเภท และประโยชน์ของสื่อการเรียนการสอน

สื่อการเรียนการสอน หมายถึง ตัวกลางหรือช่องทางในการถ่ายทอดองค์ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ จากแหล่งความรู้ไปสู่ผู้เรียนและทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ


ประเภทของสื่อการเรียนการสอน
สื่อการเรียนการสอนแบ่งตามคุณลักษณะได้ 4 ประเภท คือ
1. สื่อประเภทวัสดุ ได้แก่สไลด์ แผ่นใส เอกสาร ตำรา สารเคมี สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ และคู่มือการฝึกปฏิบัติ
2. สื่อประเภทอุปกรณ์ ได้แก่ของจริง หุ่นจำลอง เครื่องเล่นเทปเสียง เครื่องเล่นวีดิทัศน์ เครื่องฉายแผ่นใส อุปกรณ์และเครื่องมือในห้องปฏิบัติการ
3. สื่อประเภทเทคนิคหรือวิธีการ ได้แก่การสาธิต การอภิปรายกลุ่ม การฝึกปฏิบัติ การฝึกงาน การจัดนิทรรศการ และสถานการณ์จำลอง
4. สื่อประเภทคอมพิวเตอร์ ได้แก่คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) การนำเสนอด้วยคอมพิวเตอร์ (Computer presentation) การใช้ Intranet และ Internet เพื่อการสื่อสาร (Electronic mail: E-mail) และการใช้ WWW (World Wide Web)


สื่อการเรียนการสอนจำแนกตามประสบการณ์
.......
1. ประสบการณ์ตรงและมีความมุ่งหมาย ประสบการณ์ขั้นนี้ เป็นรากฐานสำคัญของการศึกษาทั้งปวง เป็นประสบการณ์ที่ผู้เรียนได้รับมาจากความเป็นจริงและด้วยตัวเองโดยตรง ผู้รับประสบการณ์นี้จะได้เห็น ได้จับ ได้ทำ ได้รู้สึก และได้ดมกลิ่นจากของจริง ดังนั้นสื่อการสอนที่ไห้ประสบการณ์การเรียนรู้ในขั้นนี้ก็คือของจริงหรือความเป็นจริงในชีวิตของคนเรานั่นเอง
.......
2. ประสบการณ์จำลอง เป็นที่ยอมรับกันว่าศาสตร์ต่างๆ ในโลก มีมากเกินกว่าที่จะเรียนรู้ได้หมดสิ้นจากประสบการณ์ตรงในชีวิต บางกรณีก็อยู่ในอดีต หรือซับซ้อนเร้นลับหรือเป็นอันตราย ไม่สะดวกต่อการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง จึงได้มีการจำลองสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นมาเพื่อการศึกษา ของจำลองบางอย่างอาจจะเรียนได้ง่ายกว่าและสะดวกกว่า
.......
3. ประสบการณ์นาฏการ ประสบการณ์ต่าง ๆ ของคนเรานั้นมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราไม่สามารถประสบได้ด้วยตนเอง เช่น เหตุการณ์ในอดีต เรื่องราวในวรรณคดี การเรียนในเรื่องที่มีปัญหาเกี่ยวกับสถานที่ หรือเรื่องธรรมชาติที่เป็นนามธรรม การแสดงละครจะช่วยไปให้เราได้เข้าไปใกล้ความเป็นจริงมากที่สุด เช่น ฉาก เครื่องแต่งตัว เครื่องมือ หุ่นต่าง ๆ เป็นต้น
.......
4. การสาธิต การสาธิตคือ การอธิบายถึงข้อเท็จจริงหรือแบ่งความคิด หรือกระบวนการต่าง ๆให้ผู้ฟังแลเห็นไปด้วย เช่น ครูวิทยาศาสตร์เตรียมก๊าซออกซิเจนให้นักเรียนดู ก็เป็นการสาธิต การสาธิตก็เหมือนกับนาฏการ หรือการศึกษานอกสถานที่ เราถือเป็นสื่อการสอนอย่างหนึ่ง ซึ่งในการสาธิตนี้ อาจรวมเอาสิ่งของที่ใช้ประกอบหลายอย่าง นับตั้งแต่ของจริงไปจนถึงตัวหนังสือ หรือคำพูดเข้าไว้ด้วย แต่เราไม่เพ่งเล็งถึงสิ่งเหล่านี้ เราจะให้ความสำคัญกับกระบวนการทั้งหมดที่ผู้เรียนจะต้องเฝ้าสังเกตอยู่โดยตลอด
.......
5. การศึกษานอกสถานที่ การพานักเรียนไปศึกษานอกสถานที่ เป็นการสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตเพื่อให้นักเรียนได้เรียนจากแหล่งข้อมูล แหล่งความรู้ที่มีอยู่จริงภายนอกห้องเรียน ดังนั้นการศึกษานอกสถานที่จึงเป็นวิธีการหนึ่งที่เป็นสื่อกลางให้นักเรียนได้เรียนจากของจริง
.......
6. นิทรรศการ นิทรรศการมีความหมายที่กว้างขวาง เพราะหมายถึง การจัดแสดงสิ่งต่างๆ เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ชม ดังนั้นนิทรรศการจึงเป็นการรวมสื่อต่าง ๆ มากมายหลายชนิด การจัดนิทรรศการที่ให้ผู้เรียนมามีส่วนร่วมในการจัด จะส่งเสริมให้ผู้เรียนได้มีโอกาสคิดสร้างสรรค์มีส่วนร่วม และได้รับข้อมูลย้อนกลับด้วยตัวของเขาเอง
.......
7. โทรทัศน์และภาพยนตร์ โทรทัศน์เป็นสื่อการสอนที่มีบทบาทมากในปัจจุบัน เพราะได้เห็นทั้งภาพและได้ยินเสียงในเวลาเดียวกัน และยังสามารถแพร่และถ่ายทอดเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นได้ด้วย นอกจากนั้นโทรทัศน์ยังมีหลายรูปแบบ เช่น โทรทัศน์วงจรปิด ซึ่งโรงเรียนสามารถนำมาใช้ในการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีโทรทัศน์วงจรปิด ที่เอื้อประโยชน์ต่อการศึกษาอย่างกว้างขวาง ภาพยนตร์เป็นสื่อที่จำลองเหตุการณ์มาให้ผู้ชมหรือผู้เรียนได้ดูและได้ฟังอย่างใกล้เคียงกับความจริง แต่ไม่สามารถถ่ายทอดเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นได้ ถึงอย่างไรก็ตามภาพยนตร์ก็ยังนับว่าเป็นสื่อที่มีบทบาทมากในการเรียนการสอน เช่นเดียวกันกับโทรทัศน์
.......
8. ภาพนิ่ง การบันทึกเสียง และวิทยุ ภาพนิ่ง ได้แก่ ภาพถ่าย ภาพวาดซึ่งมีทั้งภาพทึบแสงและโปร่งแสง ภาพทึบแสงคือรูปถ่าย ภาพวาด หรือภาพในสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ส่วนภาพนิ่งโปร่งใสหมายถึงสไลด์ ฟิล์มสตริป ภาพโปร่งใสที่ใช้กับเครื่องฉายวัสดุโปร่งใส เป็นต้น ภาพนิ่งสามารถจำลองความเป็นจริงมาให้เราศึกษาบนจอได้ การบันทึกเสียง ได้แก่ แผ่นเสียงและเครื่องเล่นแผ่นเสียง เทปและเครื่องบันทึกเสียง และเครื่องขยายเสียงตลอดจนอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเสียง ซึ่งนอกจากจะสามารถนำมาใช้อย่างอิสระในการเรียนการสอนด้วยแล้ว ยังใช้กับรายการวิทยุและกิจกรรมการศึกษาอื่น ๆ ได้ด้วย ส่วนวิทยุนั้น ปัจจุบันที่ยอมรับกันแล้วว่า ช่วยการศึกษาและการเรียนการสอนได้มาก ซึ่งไม่จำกัดอยู่แต่เพียงวิทยุโรงเรียนเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงวิทยุทั่วไปอีกด้วย
.......
9. ทัศนสัญลักษณ์ สื่อการสอนประเภททัศนสัญญลักษณ์นี้ มีมากมายหลายชนิด เช่น แผนภูมิ แผนภาพ แผนที่ แผนผัง ภาพโฆษณา การ์ตูน เป็นต้น สื่อเหล่านี้เป็นสื่อที่มีลักษณะเป็นสัญลักษณ์สำหรับถ่ายทอดความหมายให้เข้าใจได้รวดเร็วขึ้น
.......
10.วจนสัญลักษณ์ สื่อขั้นนี้เป็นสื่อที่จัดว่า เป็นขั้นที่เป็นนามธรรมมากที่สุด ซึ่งได้แก่ ตัวหนังสือหรืออักษร สัญลักษณ์ทางคำพูดที่เป็นเสียงพูด ความเป็นรูปธรรมของสื่อประเภทนี้จะไม่คงเหลืออยู่เลย อย่างไรก็ดี ถึงแม้สื่อประเภทนี้จะมีลักษณะที่เป็นนามธรรมที่สุดก็ตาม เราก็ใช้ประโยชน์จากสื่อประเภทนี้มาก เพราะต้องใช้ในการสื่อความหมายอยู่ตลอดเวลา


สื่อการเรียนการสอนจำแนกตามคุณสมบัติ
.......
Wilbure Young ได้จัดแบ่งไว้ดังนี้
1. ทัศนวัสดุ (Visual Materials) เช่น กระดานดำ กระดานผ้าสำลี) แผนภูมิ รูปภาพ ฟิล์มสตริป สไลด์ ฯลฯ
2. โสตวัสดุ (Audio Materisls ) เช่น เครื่องบันทึกเสียง (Tape Recorder) เครื่องรับวิทยุ ห้องปฏิบัติการทางภาษา ระบบขยายเสียง ฯลฯ
3. โสตทัศนวัสดุ (Audio Visual Materials) เช่น ภาพยนตร์ โทรทัศน์ ฯลฯ
4. เครื่องมือหรืออุปกรณ์ (Equipments) เช่น เครื่องฉายภาพยนตร์ เครื่องฉายฟิล์มสตริป เครื่องฉายสไลด์
5. กิจกรรมต่าง ๆ (Activities )เช่น นิทรรศการ การสาธิต ทัศนศึกษา ฯลฯ


สื่อการเรียนการสอนจำแนกตามรูปแบบ
.....(Form)Louis Shores ได้แบ่งประเภทสื่อการสอนตามแบบไว้ ดังนี้
1. สิ่งตีพิมพ์ (Printed Materials) เช่น หนังสือแบบเรียน เอกสารการสอน ฯลฯ
2. วัสดุกกราฟิก เช่น แผนภูมิ ( Charts) แผนสถิติ (Graph) แผนภาพ (Diagram) ฯลฯ3. วัสดุฉายและเครื่องฉาย (Projected Materials and Equipment) เช่น ภาพยนตร์ สไลด์ ฯลฯ
4. วัสดุถ่ายทอดเสียง (Transmission) เช่น วิทยุ เครื่องบันทึกเสียง


สื่อการเรียนการสอนตามลักษณะและการใช้
1. เครื่องมือหรืออุปกรณ์ (Hardware)
2. วัสดุ (Software)
3. เทคนิคหรือวิธีการ (Techinques or Methods)


คุณค่าของสื่อการเรียนการสอนการเรียนการสอน
1.สื่อการเรียนการสอนสามารถเอาชนะข้อจำกัดเรื่องความแตกต่างกันของประสบการณ์ดั้งเดิมของผู้เรียน คือเมื่อใช้สื่อการเรียนการสอนแล้วจะช่วยให้เด็กซึ่งมีประสบการณ์เดิมต่างกันเข้าใจได้ใกล้เคียงกัน
2.ขจัดปัญหาเกี่ยวกับเรื่องสถานที่ ประสบการณ์ตรงบางอย่าง หรือการเรียนรู้
3.ทำให้เด็กได้รับประสบการณ์ตรงจากสิ่งแวดล้อมและสังคม
4.สื่อการเรียนการสอนทำให้เด็กมีความคิดรวบยอดเป็นอย่างเดียวกัน
5.ทำให้เด็กมีมโนภาพเริ่มแรกอย่างถูกต้องและสมบูรณ์
6.ทำให้เด็กมีความสนใจและต้องการเรียนในเรื่องต่าง ๆ มากขึ้น เช่นการอ่าน ความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ ทัศนคติ การแก้ปัญหา ฯลฯ
7.เป็นการสร้างแรงจูงใจและเร้าความสนใจ
8.ช่วยให้ผู้เรียนได้มีประสบการณ์จากรูปธรรมสู่นามธรรม

สื่อการสอนประเภทวัสดุ

สื่อการสอนประเภทวัสดุเป็นสื่อที่มีประโยชน์และคุณค่าต่อการเรียนการสอน ทำให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี

ความหมายของสื่อการสอนประเภทวัสดุคำว่า วัสดุ ตรงกับคำว่าภาษาอังกฤษว่า materal ซึ่งจอห์น ซินแคลร์
ให้ความหมายว่าวัสดุ หมายถึง สิ่งที่มีคุณสมบัติ แข็งแรง ควบแน่น เป็นสารหรือสสารอาจเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นมา

สื่อการสอนประเภทวัสดุ หมายถึง สิ่งที่ช่วยสอนที่มีการผุพัง สิ้นเปลือง เช่น ฟิล์ม ภาพถ่าย ภาพยนตร์ สไลด์ และสิ่งของราคาสิ่งของหรือสสารที่ถูกนำมาใช้งานจะมีคุณสมบัติต่างๆ กันบางอย่างก็แข็งแรง บางอย่างก็ยืดหยุ่นดี บางอย่างแข็งเปราะ บางอย่างมีความทนทานสูง แต่บางอย่างฉีกแตกหักชำรุดเสียหายได้ง่าย เมื่อนำวัสดุเหล่านี้มาใช้ประกอบการเรียนการสอนจึงเรียกว่า สื่อการสสอนประเภทวัสดุ หรือ สื่อวัสดุ

ซึ่งเป็นสื่อขนาดเล็กมีศักยภาพในการบรรลุเก็บเนื้อหาและถ่ายทอดความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งเป็น สื่อขนาดเล็กมีศักยภาพในการบรรลุเก็บเนื้อหาและถ่ายทอดความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพประเภทของสื่อวัสดุ

สื่อประเภทของวัสดุที่ใช้กับการเรียนการสอนในปัจจุบัน แบ่งได้เป็น 3 ประเภทได้แก่

1. สื่อวัสดุกราฟิก มีลักษณะเป็นวัสดุ 2 มิติ รูปร่างแบบแบนบางไม่มีความหนา มีองค์ประกอบสำคัญ คือ รูปภาพ ตัวหนังสือ
2. สื่อวัสดุ 3 มิติ เป็นสื่อที่สร้างมาจากวัสดุต่างๆ สามารถตั้งแสดงได้ด้วยตัวเองที่นิยมใช้กับกระบวนการเรียนการสอนเช่น หุ่นจำลอง
สื่อวัสดุอิเล็กทรอนิกส์
3.
เป็นสื่อที่ใช้กับเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ มีทั้งประเภทเสียงอย่างเดียวและประเภทที่มีทั้งภาพและเสียงอยู่ด้วยกัน เช่นเทปบันทึกเสียง เทปวีดิทัศน์สื่อวัสดุกราฟิก

1. ความหมายของวัสดุกราฟิกวัสดุกราฟิก หมายถึง สื่อการเรียนการสอนที่มีองค์ประกอบสำคัญคืองานกราฟิกได้แก่ ภาพเขียนทั้งทีเป็นภาพสี ภพขาวดำ ตัวหนังสือ เสนและสัญลักษณ์

2. คุณค่าของวัสดุกราฟิกวัสดุกราฟิกเป็นสื่อวัสดุ 2 มิติ ที่ผู้เรียนสามารถรับรู้ได้ทางตาซึ่งถือว่าเป็นอวัยวะที่ปริมาณการรับรู้มากที่สุดเมื่อเทียบกับกี่รับรู้ด้วยประสาทรับสัมผัสด้านอื่นๆ สื่อวัสดุกราฟิกที่เห็นได้โดยทั่วไปมากกมายรูปแบบ เช่น โปสเตอร์ หนังสือ วารสาร

3. ประโยชน์ของวัสดุกราฟิกคือ ช่วยให้ผู้เรียนและผู้สอนเข้าใจเนื้อหาบทเรียนได้ตรงกัน ช่วยให้ผู้เรียนรู้ได้ดีกว่าการฟังคำบรรยายเพียงอย่างเดียว ช่วยอธิบายสิ่งที่ยากให้เข้าใจความหมายได้ง่ายขึ้น ประหยัดเวลาการเรียนรู้

4. ลักษณะของวัสดุกราฟิกที่ดีคือ ตรงกับเนื้อหาและวัตถุประสงค์ของบทเรียนมีรูปแบบง่ายต่อการเรียนรู้และการทำความเข้าใจ ไม่ยุ่งยากสลับซับซ้อนสื่อความหมายได้รวดเร็วชัดเจน

5. การออกแบบวัสดุกราฟิกคือ เหมาะสมกับลักษณะของผู้เรียน ตรงตามเนื้อหาและวัตถุประสงค์ของบทเรียน การออกแบบวัสดุกราฟิกต้องคำนึงถึงการสื่อความหมายเป็นสำคัญ นอกจากนี้ควรคำนึงถึงความเหมาะสมในการออกแบบ

6. ข้อดีและข้อจำกัดของวัสดุกราฟิกสื่อวัสดุกราฟิกมีข้อดีต่อกระบวนการเรียนการสอนและการเรียนรู้ดังนี้ คือ แสดงเนื้อหานามธรรมที่ยากต่อความเข้าใจให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น สามารถผลิตได้ง่ายไม่จำเป็นต้องอาศัยความชำนาญเป็นพิเศษส่วนข้อจำกัดของวัสดุกราฟิกได้แก่ ใช้ได้กับเป้าหมายขนาดเล็กเท่านั้น การออกแบบและการผลิตไม่ดีอาจทำให้ผู้เรียนเข้าใจยาก

7. ประเภทของวัสดุกราฟิก
7.1
ประเภทของวัสดุกราฟิก
7.1.1 แผนภูมิ (chats) มีองค์ประกอบเป็นสัญลักษณ์รูปภาพ และตัวอักษร
7.1.1.1 แผนภูมิต้นไม้
7.1.1.2
แผนภูมิแบบสายธาร
7.1.1.3
แผนภูมิแบบต่อเนื่อง
7.1.1.4
แผนภูมิแบบองค์การ
7.1.1.5
แผนภูมิแบบเปรียบเทียบ
7.1.1.6
แผนภูมิแบบตาราง
7.1.1.7
แผนภูมิแบบวิวัฒนาการ
7.1.1.8
แผนภูมิแบบอธิบายภาพ
7.2 แผนสถิติ (graphs) สื่อความหมายในเชิงปริมาณและตัวเลข
7.2.1
ชนิดของแผนสถิติ เปรียบเทียบหรือปริมาณของข้อมูลชุดหนึ่งๆ จะนำเสนอในรูปแบบของแผนสถิติแบบใดก็ได้
7.2.1.1 แผนสถิติแบบเส้น ข้อมูลที่แสดงความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
7.2.1.2
แผนสถิติแบบแท่ง ใช้เปรียบเทียบข้อมูลด้วย การเทียบ เคียงกันเป็นคู่ๆ หรือเป็นชุด
7.2.1.3
แผนสถิติแบบวงกลม ใช้เปรียบเทียบอัตราส่วนของส่วนประกอบต่างๆ ว่าเป็นเท่าไร
7.2.1.4
แผนสถิติแบบรูปภาพ เป็นการแปลงข้อมูลเป็นรูปภาพหรือสัญลักษณ์
7.2.1.5
แผนสถิติแบบพื้นที่ ช่วยให้เห็นความสัมพันธ์ของข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว โดยการแบ่งพื้นที่ทั้งหมดออกเป็นส่วนๆ ทุกส่วนเมื่อรวมกันแล้วจะมีค่าเท่ากับปริมาณรวมทั้งหมด
7.3 แผนภาพ แสดงให้เห็นส่วนประกอบต่างๆ ของสิ่งของหรือของระบบงาน
7.4
ภาพพลิก
7.5
ภาพชุด
7.6
แผนภาพ
7.7
ภาพโฆษณา
7.8
แผนโปร่งใสสื่อวัสดุ 3 มิติ
ความหมายของสื่อวัสดุ 3 มิติ หมายถึง สื่อที่ผลิตจากวัสดุที่มีความกว้างขวาง ความยาว ความหนาลึก

ประเภทของสื่อวัสดุ 3 มิติ
1. หุ่นจำลอง (models) เป็นทัศนวัสดุชนิดหนึ่งที่สร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบของจริง ใช้ในการถ่ายทอดความรู้แทนของจริงในกรณีที่ของจริงมีข้อจำกัดไม่สามารถนำมาแสดงได้

2.
ของจรอง (real objects) หมายถึง สิ่งเร้าต่างๆ ที่มีภาพเป็นของเดิมแท้ๆ ของสิ่งนั้นอาจเป็นสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ผู้เรียนสามารถรับรู้และเรียนรู้ของจริงได้ด้วยประสาทรับสัมผัสทั้ง 5

3. ป้ายนิเทศ (bulletin boards) เป็นวัสดุที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่เมื่อเปรียบเทียบกับสื่อทัศนวัสดุอื่นๆ ใช้แสดงเรื่องราวต่างๆ ด้วยวัสดุต่างๆ ด้วยวัสดุหลายชนิด ลักษณะของป้ายนิเทศที่ดีมีเนื้อหาแนวคิดและตรงวัตถุประสงค์ มีจุดสนใจหลักเพียงจุดเดียว

4. ตู้อันตรทัศน์ (diorama) เป็นทัศนวัสดุที่ออกแบบเป็นสื่อ 3 มิติเลียนแบบธรรมชาติหรือบรรยากาศสิ่งแวดล้อมที่เป็นของจริง กระตุ้นความสนใจได้ดี

สื่อวัสดุอิเล็กทรอนิกส์
ความหมายของสื่อวัสดุอิเล็กทรอนิกส์วัสดุอิเล็กทรอนิกส์ เป็นส่วนหนึ่งของสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เป็นการเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอบทเรียนจากเอกสาร ตำรา ให้อยู่ในรูปของสื่อการเรียนการสอนทางคอมพิวเตอร์

ประเภทของสื่อวัสดุอิเล็กทรอนิกส์
1. เทปบรรทุกเสียง ใช้บันทึกเสียงในรูปของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
2.
เทปวิดีทัศน์ ใช้บันทึกภาพและเสียง
3.
แผ่นซีดี
4.
แผ่นวีซีดี
5.
แผ่นดีวีดี
6.
แผ่นเอสวีซีดี
7.
แผ่นเอ็กซ์วีซีดี
8.
แผ่นเอ็กเอสวีซีดี

บทสรุป
สื่อประเภทวัสดุ เป็นสื่อที่มีขนาดเล็กสามารถเก็บบรรจุความรู้และประสบการณ์ไว้เป็นอย่างดีบางชนิดสามารถสื่อความหมายหรือถ่ายทอดความรู้ได้ด้วยตนเอง


สื่อการสอนประเภทกิจกรรม

เป็นสื่อการสอนที่มีคุณค่าต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนความหมายของสื่อการสอนประเภทกิจกรรมกิจกรรม หมายถึง การที่ผู้เรียนปฎิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อการเรียนรู้

สื่อการสอนประเภทกิจกรรม หมายถึง กระบวนการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้ผู้เรียนได้ประสบการณ์หรือเรียนรู้เนื้อหาบทเรียนด้วยการ ดูการฟัง การสังเกต การทดลอง การสัมผัส จับต้องด้วยตนเอง รวมถึงการร่วมแสดงความคิดเห็น

ประเภทของสื่อประเภทกิจกรรมการสาธิตการสาธิต คือ กระบวนการที่ผู้สอน หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งใช้ในการช่วยให้ผู้เรียนได้เกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ โดยการแสดง หรือกระทำให้ดูเป็นตัวอย่างพร้อมๆ กับการบอก การอธิบาย ให้ผู้เรียนได้สังเกตและเรียนรู้ ผู้เรียนจเกิดการเรียนรู้จากการสังเกตกระบวนการขั้นตอนการสาธิตนั้นๆ แล้วให้ผู้เรียนซักถาม อภิปรายและสรุปการเรียนรู้ที่ได้จากการสาธิต ซึ่งทำให้การสอนแบบสาธิตมีคุณค่าหลายประการคุณค่าของการสาธิต

การสาธิตเป็นสื่อมีคุณค่าต่อกระบวนการเรียนการสอนและการเรียนรู้ของผู้เรียนดังนี้เป็นจุดรวมความสนใจของผลเรียนการสาธิตเหมาะกับการแสดงเนื้อหาที่เกี่ยวกับกระบวนการได้ดีการสาธิตเป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนจึงมีส่วนร่วมอย่างจิงจังช่วยให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยความสนุกสนานเพลิดเพลินสามารถใช้กับกระบวนการเรียนการสอนได้ทั้งวิชาที่ต้องใช้วัสดุอุปกรณ์ประกอบประหยัดค่าใช้จ่าย ทุ่นเวลาประเภทของการสาธิต แบ่งออกเป็น 2 ชนิดการสาธิตวิธี คือ

วิธีการแสดงวิธีทำสิ่งต่างๆ เพื่อให้ผู้ชมเห็นวิธีการเป็นขั้นตอนต่างๆการสาธิตผล คือ การแสดงให้เห็นผลจากการกระทำตามกระบวนการหรือขั้นตอนต่างๆ

วัตถุประสงค์ในการสาธิต การสาธิตสามารถนำไปใช้ในกระบวนการเรียนการสอนเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ดังนี้เพื่อกระตุ้นความสนใจผู้เรียนทั้งในขั้นนำเข้าสู้บทเรียนเพื่อถ่ายทอดความรู้ ทัศนคติ การสร้างประเด็นให้ผู้เรียนคิดหาทางแก้ปัญหาเพื่อสน้างความเข้าใจในเนื้อหา หลักการ และความคิดรวบยอดของบทเรียนทั้งในขั้นการสอนและการสรุปเนื้อหาบทเรียนเพื่อแก้ปัญหาข้อจำกัดต่างๆ

ขั้นตอนในการสาธิต ซึ่งมีวิธีการดำเนินงาน อยู่ 3ขั้นตอน คือ
1. การเตรียม การสาธิต
2. การประเมินผลขั้นการเตรียม เป็นขั้นรวบรวมเนื้อหา วัสดุอุปกรณ์
3. การซักซ้อมขั้นตอน การสาธิตก่อนลงมือสาธิตจริง การเตรียมที่ดีย่อมทำให้การสาธิตเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพซึ่งมีขั้นตอนดังนี้กำหนดเป้าหมายของการสาธิตว่าจะให้ผู้เรียนเรียนรู้หรือได้รับ

ประโยชน์อะไรบ้างจากการสาธิตจัดสถานที่ที่จะสาธิตให้เรียบร้อยการสาธิตที่ดีมีประสิทธิภาพในการแสดงต้องเตรียมวัสดุที่จำเป็นให้พร้อมและจัดเรียงไว้ตามลำดับการใช้ทั้งก่อนและหลังการเตรียมความพร้อมใช้กับผู้เรียน โดยวัตถุประสงค์ทดลองซักซ้อมขั้นตอนต่างๆ ให้เกิดความคล่องแคล่ววางแผนหาวิธีกระตุ้นเพื่อดึงดูดความสนใจผู้เรียนตลอดเวลาเตรียมเอกสารประกอบการสาธิตให้พร้อมขั้นการสาธิต เป็นขั้นการแสดงวิธีการหรือกระบวนการประกอบการบรรยาย ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้

อธิบายลำดับให้ผู้เรียนเข้าใจเสียก่อนขณะอธิบายครูควรใช้แผ่นภูมิหรือรูปภาพประกอบสร้างบรรยากาศให้เป็นกันเองกระตุ้นให้ผู้เรียนคิดและติดตามโดยวิธีถามเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมขั้นการประเมินผล เมื่อการสาธิตเสร็จสิ้นลงควรทำการประเมินผลทันที อาจทำได้ 3 แบบ
1. ประเมินการเรียนของผู้เรียน

2. ประเมินผลการสอนของครูสาธิต

3. การจัดนิทรรศการการจัดนิทรรศการ คือ การนำเอาทัศนวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการเรียนการสอนเช่น แผนภาพ รูปภาพ กราฟ วัสดุ 3 มิติ


คุณค่าของนิทรรศการ สื่อนิทรรศการมีคุณค่าต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนคือ ช่วยรวมความคิดที่กระจัดกระจายมาสรุปเป็นความคิดรวบยอดได้ถูกต้อง ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักการกระทำงานเป็นหมู่คณะ ฝึกความอดทน ความรับผิดชอบ

ประเภทของนิทรรศการ นิทรรศการที่พบเห็นทั่วไปแบ่งได้หลายประเภท ขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์ คือ
1.
การจำแนกตามขนาดได้แก่ การจัดแสดง นิทรรศการ มหกรรม
2.
การจำแนกตามวัตถุประสงค์ในการจัด
3.
การจำแนกตามระยะเวลา
4.
การจำแนกตามสถานที่

หลักการออกแบบนิทรรศการ ให้มีประสิทธิภาพสามารถดึงดูดความสนใจและให้ประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ชมได้ควรยึดหลักการออกแบบดังนี้
1.
ความเป็นเอกภพ หมายถึง การออกแบบองค์ประกอบต่างๆ ให้สอดคล้องเป็นอันหนึ้งอันเดียวกัน มีความกลมกลืนกันทั้งวัตถุประสงค์ เนื้อหาสาระ วัสดุอุปกรณ์
2.
ความสมดุล หมายถึง ลักษณะการจัดนิทรรศการให้มีสัดส่วนขององค์ประกอบเหมาะสม สวยงาม ก่อให้เกิดความรู้สึกสบาย
3.
การเน้น เป็นการจัดสิ่งเร้าหรือองค์ประกอบให้โดดเด่นเฉพาะ เพื่อกระตุ้นความสนใจให้ผู้ชมสามารถรับรู้และเรียนรู้ได้ตามวัตถุประสงค์

4. เกณฑ์การพิจราณานิทรรศการ มีข้อพิจราณาดังนี้

4.1 ต้องตระหนักว่านิทรรศการนั้น เป็นการจัดให้ผู้ชมดูไม่ใช่จัดให้อ่าน

4.2 ต้องดูว่าสถานที่ที่จะจัดนิทรรศการนั้นเหมาะสมหรือไม่
4.3 จุดหนึ่งหรือบริเวณหนึ่งที่จัดให้คนดูจะต้องมีจุดมุ่งหมายเดียว
4.4 ต้องทำสิ่งยากๆให้ดูง่าย
4.5 การใช้สีเป็นการกระตุ้นความรู้สึกของผู้ชมเป็นอย่างดี
4.6 ตัวหนังสือจะต้องอ่านง่าย

ขั้นตอนในการจัดนิทรรศการ
1 ขั้นการวางแผน
1.1 การตั้งวัตถุประสงค์
1.2 การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย
1.3 การกำหนดเนื้อหา
1.4 การกำหนดสถานที่
1.5 การกำหนดเวลา
1.6 การตั้งงบประมาณ
1.7 การออกแบบนิทรรศการ
1.8 จัดเตรียมอุปกรณ์
1.9 การประชาสัมพันธ์
1.10 การกำหนดหน้าที่รับผิดชอบ

ขั้นปฏิบัติการผลิตสื่อและการติดตั้ง

1. การจัดวางหรือติดตั้งวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ตามที่วางแผนและออกแบบไว้ แต่สามารถปรับปรุงได้บ้างเพื่อให้เหมาะสมกับพื้นที่จริง
2. การติดตั้งวัสดุอุปกรณ์ทุกชิ้น ต้องมีความมั่นคง แข็งแรง ต้องระวังไม่ให้เกิดความเสียหายหรือเป็นอันตรายระหว่างการนำเสนอ
3. ควรป้องกันอันตรายอย่างรอบคอบจากวัสดุอุปกรณ์ที่มีคม

ขั้นการนำเสมอ มีข้อควรปฏิบัติดังนี้
1. ควรจัดพิธีกรให้คำแนะนำประจำกลุ่มเนื้อหาหรือกิจกรรมต่างๆเพื่อตอบข้อสงสัยผู้ชมระหว่างการชมนิทรรศการ
2. ควรตรวจสอบเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
3. การประชาสัมพันธ์ภายในต้องใช้เสียงพอเหมาะกับจำนวนผู้ชมและบริเวณงาน
4. ควรให้ผู้ชมมีส่วนร่วมในกิจกรรมอย่างเต็มใจ
5. ขณะจัดแสดงอาจต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าบ้างเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์จริง

ขั้นการประเมินผล เป็นขั้นตืดตามคุณภาพและประสิทธิภาพในการจัดนิทรรศการแต่ละครั้ง

ประสบการณ์นาฏการประสบการณ์นาฎการ หมายถึง ประสบการณ์ที่ใช้แทนประสบการณ์จริง แต่มิได้หมายความว่าจะต้องเหมือนกับประสบการณ์จริงทุกประการ หรือเลียนแบบจากประสบการณ์จริงทุกอย่างไปก็หาไม่

การใช้ชุมชนเพื่อศึกษาการใช้ชุมชนเพื่อการศึกษา หมายถึง การใช้แหล่งวิชาการและสภาพแวดล้อมของชุมชนให้เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ประโยชน์ของการใช้ชุมนุมเพื่อการศึกษา การใช้ชุมชนศึกษามีประโยชน์ต่อการเรียนรู้หลายประการดังนี้ทำให้ผู้เรียนคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมและรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้นำความรู้จากห้องเรียนไปใช้ชีวิตจริงๆ เป็นการเชื่อมโยงสภาพการณ์ในห้องเรียนกับสภาพความเป็นจริงแหล่งวิชาการในชุมชน ช่วยขยายความรู้เพิ่มเติมจากที่ครูสอนในหลักสูตรให้สมบูรณ์ขึ้นแหล่งวิชาการในชุมชนมีมากอยู่แล้วทั้งสถานที่ และบุคคล ถ้าครูเลือกและนำมาใช้ให้เหมาะสมก็จะได้ผลคุ้มค่าเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศในการเรียน ช่วยให้ผู้เรียนได้พบสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ เร้าความสนใจและเพิ่มพูนความเข้าใจฝึกการทำงานร่วมกันอย่างมีมนุษย์สัมพันธ์ สร้างนิสัยช่างซักถาม สังเกตพิจารณา ฝึกความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย การตรงต่อเวลาเปิดโอกาสให้ผู้เรียนฝึกทักษะการใช้ภาษาด้านการฟัง การพูด การเขียน การคิดคำนวณ เป็นเหตุเป็นผลเชิงคณิตศาสตร์ และการคิดเหตุผลเชิง ศิลปะปรัชญาเป็นวิธีแก้ปัญหาครูขาดความรู้ความชำนาญบางสาขาในชุมชน ทั้งยังเป็นการสร้างความคุ้นเคยและความสัมพันธ์อันดีระหว่างสถานศึกษาและชุมชนแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ในชุมชน แหล่งทรัพยากรเรียนรู้ในชุมชนมีหลายประเภท กล่าวโดยสรุป คือบุคลากร ได้แก่บุคคลผู้มความรู้ความสามารถและประสบการณ์โดยตรงในสาขาอาชีพต่างๆสถานที่วัสดุอุปกรณ์กิจกรรมของชุมชนวิธีการใช้ชุมชนเพื่อการศึกษา

1. การศึกษาภายในโรงเรียน
2. การศึกษาในชุมชนใกล้โรงเรียน
3. การเชิญวิทยากรในท้องถิ่นมาบรรยาย
4. การไปทัศนาศึกษานอกสถานที่

สถานการณ์จำลองการจัดสถานการณ์จำลองเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับผู้เรียนที่จะออกไปเผชิญกับปัญหาจริง ๆ เช่น การเตรียมนักศึกษาฝึกสอน ก่อนที่จะออกไปสอนต้องได้รับการฝึกฝนด้านวิชาการสอน วิธีฝึกทักษะอย่างหนึ่งที่ได้ผลดีคือการฝึกจากสถานการณ์จำลอง
1 การใช้สถานการณ์จำลองในการเรียนการสอน ลำดับขั้นในการใช้สถานการณ์จำลองในการสอน ครูอาจทำได้ดังนี้
ผู้สอนเสนอสถานการณ์ที่ทำให้เกิดปัญญา
ผู้เรียนศึกษาปัญหารวบรวมข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางตัดสินใจและแก้ปัญหาตามขั้นตอน
แต่ละกลุ่มเสนอวิธีการแก้ปัญหาของตนต่อชั้นเรียน
ผู้สอนผู้เรียนช่วยกันประเมินค่าโดยพิจารณาเหตุผลว่าวิธีการใดดีและมีเหตุผลที่ดีที่สุด

ขบวนการแก้ปัญหาในสถานการณ์จำลอง แ นวทางในการแก้ปัญหา สาเหตุของปัญหา รวบรวมข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ ตัดสินใจเลือกวิธีแก้ปัญหาที่มีเหตุผลดีที่สุด

คุณค่าของการใช้สถานการณ์จำลองในการเรียนการสอน การใช้ประสบการณ์จำลองในการเรียนการสอน
เป็นการให้โอกาสผู้เรียนได้ฝึกทักษะกระบวนการต่างๆ
ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนสูงมาก เกิดความสนุกสนานในการเรียนรู้
สามารถจัดประสบการณ์ที่เพิ่มประสิทธิภาพความจำได้ดี สามารถถ่ายทอดสิ่งต่างๆที่เกี่ยวกับสภาพความเป็นจริงในชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สามารถจัดทดลองจริงได้ตามสมมติฐาน
ควบคุมเวลาเวลาในการเรียนรู้ได้ดี

การศึกษานอกสถานที่การศึกษานอกสถานที่หรือทัศนศึกษา หมายถึง กิจกรรมที่พาผู้เรียนออกไปหาประการณ์นอกห้องเรียน เพื่อให้เกิดการเรียนที่สอดคล้องกับเนื้อหาและวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ซึ่งต้องอาศัยการวางแผนและการดำเนินการอย่างมีขั้นตอนเป็นสำคัญ

คุณค่าของการศึกษานอกสถานการณ์ คุณค่าที่มีต่อผู้เรียนช่วยให้ผู้มีประการณ์ตรง ทำให้บทเรียนมีความหมายยิ่งขึ้น
ขั้นการเตรียมหรือการวางแผน ก่อนออกไปนอสถานการณ์ที่จะต้องเตรียมหรือวางแผน
การเตรียมสำหรับครู โดยการกำหนดวัตถุประสงค์ให้สอสดคล้องกับบทเรียน
การเตรียมสำหรับผู้เรียน โดยวัตถุประสงค์ว่าต้องการเรียนรู้จากการไปทัศนศึกษา
ขั้นดำเนินกิจกรรม ในขั้นตอนปฎิบัติตามแผนที่กำหนด
ขั้นประเมินผลหรือติดตามผล เมื่อกลับจากการศึกษานอกสถานที่สิ่งที่ต้องทำคือการจัดกิจกรรมประเมินผล

กระบวนการกลุ่มการจัดการเรียนรู้โดยกระบวนการกลุ่มหรือกลุ่มสัมพันธ์เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนได้รับความรู้จากการลงมือร่วมกันปฎิบัติเป็นกลุ่ม
1. การจัดการเรียนรู้กระบวนการกลุ่ม หลักการสอนตามทฤษฎีกลุ่มสัมพันธ์แบ่งออกเป็นหลักการใหญ่ๆ 5 ข้อ
- ตั้งจุดมุ่งหมายของการเรียนการสอน กระบวนการเรียนการสอนแต่ละวิชา
- การจัดประสบการณ์การเรียนรู้ คือการจัดกิจกรรมเพื่อให้สนองตามจุดมุ่งหมายในการจัดกิจกรรม
- การให้ผู้เรียนได้วิเคราะห์ประสบการณ์การเรียนร่วมกัน ในขั้นนี้เป็นขั้นที่ผู้เรียนจะได้วิเคราะห์ถึงสิ่งที่กระทำลงไป
- การส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถสรุปและนำหลักการไปประยุกต์ใช้เมื่อผู้เรียนได้แนวคิดที่ถูกต้องแล้ว
- การประเมินผล เป็นขั้นสุดท้ายของการเรียนการสอนแบบกิจกรรมกลุ่มวิธีการประเมินผล

ข้อดีและข้อกัดของกระบวนการกลุ่ม การจัดการเรียนรู้โดยกระบวนการกลุ่มมีข้อดีและข้อจำกัด

สื่อประเภทอุปกรณ์

เครื่องฉาย
.....
เป็นอุปกรณ์ฉายภาพให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ผู้เรียนมองเห็นภาพหรือเนื้อหาได้ชัดเจนขึ้น กระตุ้นความสนใจได้ดี

ส่วนประกอบของเครื่องฉาย
......1.
หลอดฉาย เป็นแหล่งกำเนิดแสงที่ส่องผ่านวัสดุฉายและเลนส์ ให้ภาพไปปรากฏบนจอ
......2.
แผ่นสะท้อนแสง ทำหน้าที่สะท้อนแสงจากด้านหลังของหลอกฉายไปรวมกับแสงด้านหน้า ทำให้ความเข้มข้นของแสงเพิ่มขึ้นเป็นเกือบสองเท่า
......3.
วัสดุฉาย เป็นวัสดุรองรับเนื้อหาความรู้ไว้ในรูปของรูปภาพ ตัวอักษร และสัญลักษณ์ วัสดุฉายต้องใช้ควบคู่กับเครื่องฉายเสมอ เพื่อให้ผู้เรียนมองเห็นได้ชัดเจน
......4.
เลนส์ เป็นวัสดุโปร่งใสที่มีอยู่ในเครื่องฉายทั่วไป ทำด้วยแก้วหรือพลาสติกใส มีคุณสมบัติหักเหแสงที่สะท้อนมากระทบกับเลนส์ ทำให้ภาพถูกขยายเลนส์
......5.
จอ เป็นอุปกรณ์รองรับภาพจากเครื่องฉายชนิดต่างๆ

ประเภทของเครื่องฉาย

......
1. เครื่องฉายข้ามศีรษะ
-
เครื่องฉายข้ามศีรษะแบบทั่วๆไป
-
เครื่องฉายข้ามศีรษะแบบสะท้อนจากกระจกเงาด้านล่าง
-
เครื่องฉายข้ามศีรษะแบบพับเก็บได้

......
2. เครื่องฉายสไลด์
-
เครื่องฉายสไลด์แบบธรรมดา ควบคุมโดยผู้ใช้งานตลอกเวลา
-
เครื่องฉายสไลด์แบบอัตโนมัติ

.....
3. เครื่องฉายแอลซีดี มีประสิทธิภาพในการแสดงผลที่ใช้พลังงานน้อย

…..
4. เครื่องดีแอลพี มีความคมชดสูงกว่าแอลซีดี
......
เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำหน้าที่ในการอ่านข้อมูลจากวัสดุและแปลงสัณญาณไฟฟ้าเพื่อแปลงกลับเป็นสัณญาณและเสียง

ประเภทของเครื่องอุปกรณ์แปลงสัณญาณ

......1.
เครื่องวิชวลเลเซอร์ ฉายทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว
......2.
เครื่องเล่นวีดีทัศน์ แปลงสัณญาณแม่เหล็กจากแถบเทปเป็นสัณญาณภาพและเสียง
......3.
เครื่องเล่นวีซีดี
......4.
เครื่องเล่นดีวีดี

.............
เครื่องเสียง

แหล่งกำเนิดเสียง

...........
เสียง sound เกิด จาการสั่นสะเทือนของวัตถุ พลังงานการสั่นสะเทือนจะจัดอากาศให้เป็นคลื่นออกไปโดยรอบ เรียกว่า คลื่นเสียง เมื่อคลื่นเสียงไปกระทบแก้วหู จะทำให้แก้วหูสั่นสะเทือนราบงานผ่านไปยังสมองทำให้ได้ยินเสียง
แหล่งกำเนิดเสียง เช่น เสียงคน สัตว์ การสั่นสะเทือนของวัตถุเมื่อถูกดีด สี ตี เป่า เคาะ เสียงจากธรรมชาติ เช่น ฝนตก น้ำไหล ฟ้าร้อง ลมพัด
ส่วนประกอบของการขยายเสียง
ภาคสัญญาณเข้า ทำหน้าที่สร้างหรือนำสัญญาณไฟฟ้าความถี่เสียงที่ต้องการขยายมาป้อนกับภาคขยายเสียง ได้แก่ ไมโครโฟน
ภาคขยายเสียง ทำหน้าที่ขยายสัญญาณไฟฟ้าความถี่เสียงให้มีกำลังมากขึ้นเพื่อส่งออกไปขับลำโพงให้เกิดเสียงดังขึ้น ได้แก่ เครื่องขยายเสียง
ภาคสัญญาณออก เปลี่ยนสัญญาณไฟฟ้าความถี่เสียงที่ถูกขยายมาแล้วให้กลับเป็นคลื่นเสียง ได้แก่ ลำโพง
ไมโครโฟน เป็นอุปกรณ์เปลี่ยนคลื่นเสียงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า
เครื่องขยายเสียง เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ขยายสัญญาณไฟฟ้าความถี่เสียงให้มีกำลังมากขึ้น เพื่อส่งออกไปขับลำโพงให้เปล่งเสียงออกมา

สื่ออุปกรณ์ต่าง ๆ

1. เครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ

วิธีการใช้

1. นำเครื่องฉายมาวางหน้าชั้นเรียนในระยะห่างพอสมควร โดยหันด้านเลนศ์ฉายเข้าหาจอ

2. หากภาพใหญ่กว่าจอฉายให้เลื่อนเครื่องฉายเข้าใกล้จอรับภาพ หากภาพเล็กกว่าจอฉายให้เลื่อนเครื่องฉายออกห่างจากจอรับภาพ

3. เสียบปลั๊กไฟ 220 V. เข้ากับเต้าเสียบไฟบ้าน

4. เปิดสวิตช์พัดลมระบายอากาศ

5. เปิดสวิตช์หลอดฉาย

6. ปรับความคมชัดบนจอรับภาพ

7. ปรับมุมก้มเงยให้พอดี ปรับลำแสงให้ตั้งฉากกับจอรับภาพ แต่หากต้องการเลื่อนเครื่องฉายให้ปิดสวิตช์หลอดฉายก่อนทุกครั้งเพื่อป้องกันมิให้หลอดฉายขาด

8. ปิดสวิตช์หลอดฉายเมื่อเสร็จสิ้นการใช้งาน แต่เปิดพัดลมระบายอากาศไว้จนกว่าเครื่องฉายจะเย็นลงแล้วประมาณ 5 นาที จึงปิดและถอดปลั๊กออกเพื่อเก็บเครื่องฉาย

การดูแลรักษา

1. ศึกษาคู่มือการใช้เครื่องอย่างละเอียดก่อนใช้งาน
2.
ขณะใช้เครื่องฉาย ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะเมื่อมีเด็กอยู่ใกล้
3.
ไม่ควรเปิด - ปิดสวิตช์หลอดฉายบ่อย เพราะจะทำให้อายุการใช้งานของหลอดฉายสั้น

กว่าปกติ หรืออาจทำให้หลอดฉายขาดได้
4.
เครื่องฉายทุกชนิดมีความร้อน อย่าแตะต้องจุดที่มีความร้อนเพราะอาจจะเกิดอันตรายได้
5.
สายไฟที่ใช้กับเครื่องฉายต้องอยู่ในสภาพที่ดี ไม่ขาดชำรุดหรือมีรอยขาดรั่ว
6.
ไม่แขวนสายไฟไว้ที่ขอบโต๊ะหรือวางสายไฟบนสิ่งที่มีความร้อน
7.
กรณีที่ใช้สายไฟต่อพ่วง ต้องใช้สายไฟที่มีขนาดพอเหมาะกับปริมาณของกระแสไฟฟ้าที่ เครื่องต้องการใช้
8.
ก่อนดึงปลั๊กไฟออก ต้องแน่ใจว่าเครื่องฉายได้เปิดพัดลมระบายอากาศจนเครื่องเย็นลงจน เป็นปกติแล้ว
9.
อย่าให้เครื่องถูกน้ำ ละอองน้ำ ความชื้นและของเหลวทุกชนิดเพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้า ลัดวงจร
10.
ไม่ควรถอดเครื่องซ่อมเองหรือแก้ไขเองหากขาดประสบการณ์

2. โปรเจคเตอร์

วิธีการใช้

1. ตรวจสอบการทำงานของเครื่องว่าปกติอยู่ในสภาพการใช้งาน

2. เปิดเครื่องฉายโดยกดปุ่มที่ Power on

3. ทำการฉายภาพตามปกติ

4. การปิดเครื่องกดที่ปุ่มPower off โดยกด 2 ครั้งติดต่อกัน

5. รอให้เครื่องปิดจึงถอดปลั๊กได้

6. เก็บเครื่องฉายในกระเป๋าเก็บให้เรียบร้อย

การดูแลรักษา มีขั้นตอนดังนี้

1. คลุมเครื่องเพื่อป้องกันฝุ่นจับเลนส์ และควรเก็บในที่ปลอดความชื้น

2. ทำความสะอาดเลนส์หรือกระจกเงาสะท้อนแสงด้วยกระดาษเช็ดเลนส์

3. ทำความสะอาดและหยอดน้ำมันแกนปรับหัวฉายและแกนมอเตอร์

4. ไม่ควรใช้เครื่องติดต่อกันเป็นเวลานาน

5. เมื่อเลิกใช้ควรปิดสวิทช์หลอดฉายโดยไม่ถอดปลั๊กและปลอดให้พัดลมเครื่องทำงาน จึงเก็บเครื่อง

3. เครื่องเล่น CD VCD DVD

วิธีการใช้

1. ตรวจสอบสภาพเครื่องเล่น CD VCD DVD อยู่ในสภาพพร้อมการใช้งาน

2. เสียบปลั๊กไฟ

3. เปิดปุ่ม Power เพื่อทำการเปิดเครื่อง

4. ปรับสัญญาณภาพหรือเสียงให้ชัดเจน

5. เมื่อใช้งานเสร็จแล้วปิดที่ปุ่ม Power

6. ถอดปลั๊กและเก็บวัสดุอุปกรณ์ให้เรียบร้อย

การดูแลรักษา มีขั้นตอนดังนี้

1. เมื่อใช้เสร็จ ทิ้งให้เย็น และคลุมด้วยผ้าเพื่อป้องกันฝุ่นละออง

2. หมั่นทำความสะอาดหัวอาดด้วยแปรงขนนุ่มปัดฝุ่น

3. ไม่ควรตั้งในที่อับชื้น

4. เครื่องขยายเสียง

วิธีการใช้

1. ตรวจสอบเครื่องขยายเสียงอยู่ในสภาพใช้งานได้

2. เสียบสายปลั๊กไฟ

3. เปิดสวิสท์ไฟที่ปุ่ม Power

4. ปรับเสียงสัญญาความดังตามที่ต้องการโดยปุ่ม Master จะปุ่มใหญ่สุดและควบคุมสัญญาเสียงออกทุกสัญญาณ

5. หากต้องการปรับเฉพาะไมล์ให้ปรับปุ่มสัญญาเล็ก

6. เมื่อใช้งานเสร็จให้ปรับปุ่มสัญญาณ Master ลงสุด

7. ปิดสัญญาณไฟที่ปุ่ม Power

8. ถอดปลั๊กไฟเครื่องขยายเสียงเก็บให้เรียบร้อยเพื่อยืดอายุการใช้งาน

การดูแลรักษา มีขั้นตอนดังนี้

1. ควรเก็บในที่ปลอด ความร้อน ความชื้น และฝุ่นละออง

2. ไม่ควรใช้เครื่องเป็นเวลานานๆ อาจทำให้เครื่องเสียได้

3. ขณะใช้เครื่องขยายเสียงต้องหมั่นตรวจสอบแรงเครื่องไฟฟ้าป้องกันอาการตกหรือมากเกินพิกัด

5. เครื่องบันทึกเสียง

วิธีการใช้

1. ตรวจสอบเครื่องบันทึกเสียงว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน

2. เสียบปลั๊กไฟเครื่องบันทึกเสียง

3. เปิดสวิสท์ไฟด้านหลังเครื่อง เปิด - ปิด

4. รอให้เครื่องบันทึกเสียงทำงานสักครู่

5. ทดสอบการบันทึกโดยปรับปุ่มสัญญาณตามที่ต้องการ

6. กดปุ่มสัญญาณจากเครื่องบันทึกเสียง ที่ปุ่ม Record

7. ถ้าต้องการหยุดบันทึกให้กดปุ่ม Pause

8. ถ้าต้องการหยุดบันทึกให้กุดปุ่ม Stop

9. ปิดเครื่องโดยกดปุ่มสวิสท์เปิด ปิด

10. ถอดปลั๊กไฟและดูแลความเรียบร้อยภายในห้องบันทึกเสียง

การดูแลรักษา

1. อย่าให้เครื่องถูกฝนหรือความชื้น เพื่อลดอุบัติเหตุจากไฟไหม้หรือไฟลัดวงจร

2. การควบคุมหรือการปรับ การทำใด ๆ นอกเหนือจากที่ระบุในคู่มือ

3. อย่าวางเครื่องใกล้น้ำหรือความชื้น เช่น ห้องน้ำ สระว่ายน้ำ อ่างล้างมือ

4. อย่าวางเครื่องใกล้แหล่งความร้อน เช่น ช่องระบายความร้อน เตาไฟ หรืออุปกรณ์เครื่องใช้ที่ให้กำเนิดความร้อน ไม่ควรวางเครื่องในที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 5 องศาเซนเซียส (41องศาฟาเรนไฮ) หรือสูงกว่า 35 องศาเซนเซียส ( 95 องศาฟาเรนไฮ)

5. ควรวางเครื่องโดยให้ได้ระดับบนพื้นผิวราบและเรียบ

6. ควรวางเครื่องโดยให้มีช่องว่างเพียงพอที่จะระบายความร้อนได้ดี โดยให้มีช่องว่างจากด้านหลังและด้านบนของเครื่อง 10 ซม. และด้านข้าง 5 ซม.

7. อย่าวางเครื่องบนเตียง พรม หรือบนพื้นผิวที่มีลักษณะเช่นเดียวกันนี้ ซึ้งไม่สามารถระบายอากาศได้ดี

8. อย่าวางเครื่องบนชั้นหนังสือ ในตู้เสื้อผ้า หรือในที่ที่เป็นกรอบแคบ ซึ่งไม่สามารถระบายอากาศได้ดี

9. ระวังอย่าให้วัตถุสิ่งของหรือของเหลวผ่านเข้าไปในช่องระบายความร้อนสู่ด้านในของตัวเครื่อง

10. เมื่อวางหรือตั้งเครื่องบนชั้นวางหรือแสตนด์ควรทำด้วยความระมัดระวัง การวางแรงเกินไปหรือวางบนพื้นไม่เรียบอาจทำให้เครื่องหรือชั้นวางพลิงคว่ำหล่นลงได้

6. กล้องวิดีโอ

วิธีการใช้

1. ตรวจสอบกล้องวิดีโอและอุปกรณ์ให้พร้อมใช้งาน โดยดูแบตเตอรี่และม้วนเทปวิดีโอ

2. เปิดกล้องที่ปุ่ม POWER

3. ตรวจสอบ หน่วยความจำของแผ่นเทปและแบตเตอรี่ว่าพอเพียงกับเราที่จะถ่ายหรือไม่

4. ปรับค่าต่าง ๆ ของกล้องถ้าไม่ชำนาญให้เลือกโหมด AUTO

5. ปรับโหมดกล้องให้อยู่ในโหมด CAMERA

6. หามุมมอองกล้อง

7. กดปุ่มบันทึก โดยส่วนใหญ่มีชื่อ REC.

8. ถ้าต้องการหยุดชั่วคราวกดปุ่ม PAUSE

9. ถ้าต้องการหยุดกดปุ่ม STOP

10. เมื่อบันทึกเสร็จแล้วกดปุ่ม POWER เพื่อปิดเครื่อง

11. การโหลดลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ควรศึกษากล้องแต่ละยี่ห้อว่าเป็นอย่างไร

การดูแลรักษากล้อง

1. หากไม่ได้ใช้กล้องเป็นเวลานานให้ถอดเทปออกจากกล้อง และเปิดเครื่อง ใช้งานกล้องในส่วน Camera หรือ VTR และเล่นเทปเป็นเวลานาน 3 นาที

2. ทำความสะอาดเลนส์ด้วยแปรงนุ่ม ๆ หากมีรอยนิ้วมือบนผิวเลนส์ให้เช็ดออกด้วยผ้านุ่ม ๆ

3. เช็ดทำความสะอาดตัวกล้องด้วยผ้าแห้งนุ่ม ๆ หรือชุบหมาด ๆ ด้วยน้ำสบู่อ่อน ๆ อย่างใช้พวกน้ำยาละลายซึ่งอาจทำลายผิวเคลือบกล้องได้

4. ระวังอย่างให้ทรายเข้าไปในกล้อง เมื่อใช้กล้องบนชายหาดหรือไปในที่มีฝุ่นมาก ๆ ควรป้องกันฝุ่นและทรายไม่ให้เข้ากล้องเพราะอาจทำเกิดข้อบกพร่องในการทำงานซึ่งบางครั้งไม่อาจแก้ไขได้

5. เมื่อไม่ใช้งานให้ตั้งสวิตซ์ไปที่ off เสมอ

7. คอมพิวเตอร์

วิธีการใช้

1. ตรวจสอบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อยู่ในสภาพใช้งานได้

2. เสียบปลั๊กไฟคอมพิวเตอร์

3. เปิดปุ่มสวิสท์ ปุ่ม Power ปุ่มใหญ่

4. เปิดใช้งานโปรแกรมที่เราต้องการ

5. เมื่อใช้งานไปแล้วถ้าคอมพิวเตอร์มีอาการ Error ให้กดปุ่ม Reset ปุ่มเล็ก เพื่อใช้งานโปรแกรมอีกครั้งหนึ่ง

6. เมื่อเลิกใช้งานโปรแกรมแล้วควรปิดโปรแกรมทุกโปรแกรมแล้วจึงปิดเครื่อง

7. ปิดเครื่องกดปุ่ม Start Turn off Computer

8. เลือกกดปุ่ม Turn Off

9. รอให้ไฟทำงานในคอมพิวเตอร์หยุดทำงานจึงถอดปลั้กให้เรียบร้อย

10. คลุมเครื่องป้องกันฝุ่นละออง

การดูแลรักษา

1. ควรติดตั้งโปรแกรมพื้นฐานในเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่นโปรแกรมสแกนไวรัส

2. หลังใช้งานเสร็จทุกครั้งควรปิดเครื่องอย่างถูกวิธีเพื่ออายุการใช้งาน

3. ไม่ควรนำอาหารมารับประทานใกล้เครื่องคอมพิวเตอร์

4. สแกนไวรัสทุกครั้งเมื่อไม่แน่ใจในการนำแผ่นดิสก์มาใช้

5. ใช้ผ้าคลุมเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกครั้งเพื่อป้องกันฝุ่นละอองที่จะมารบกวน

8. กล้องดิจิตอล

วิธีการใช้

1. ตรวจสอบอุปกรณ์กล้องดิจิตอลทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ หน่วยความจำ และตัวกล้องเอง

2. เปิดกล้องโดยกดปุ่ม POWER

1. ปรับปุ่มค่าต่าง ๆ ตามเราต้องการถ้ายังไม่ชำนาญให้ปรับปุ่มไว้ที่ AUTO

2. ปรับปุ่มกล้องให้อยู่ในโหมดที่พร้อมถ่าย

3. หามุมมองในการถ่ายภาพที่เหมาะสม